ผนังบ้านร้าว….ปัญหาโลกแตกที่แก้ได้ !!!

หลายๆคนคงเคยสงสัย บ้านสร้างใหม่ หรือห้องคอนโดที่พึ่งซื้อมาใหม่เอี่ยม ทำไมอยู่ได้ไม่นานผนังเริ่มมีรอยร้าว มุมวงกบเริ่มเห็นรอยแยกชัดเจน

 

 

ย้อนกลับไปอธิบายถึงคุณสมบัติของวัสดุในการก่อสร้าง งานผนังอาคาร บ้านพักอาศัย ผู้รับเหมาจะเลือกใช้ ผนังที่มีความคงทนและแข็งแรงสูงสุด ซึ่งปัจจุบันมีตัวเลือกหลากหลาย ทั้งอิฐมอญ อิฐมวลเบา ผนังสำเร็จรูปต่างๆ ผนังทั้งหมดนี้ต่างมีคุณสมบัติที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแข็งแรง รองรับแรงสั่นสะเทือน กันเสียง กันน้ำไม่รั่วซึม ฯลฯ แต่สิ่งที่เหมือนกันของผนังระบบต่างคือ เมื่อก่อ หรือ ตั้งเสร็จแล้ว จะต้องทำการ “ฉาบหนา” แล้ว “สกิม” ปิดผิวหน้าเพื่อให้ได้ระนาบ และพื้นผิวที่สวยงาม

 

 

ในขั้นตอนนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ “ผนังร้าว” กล่าวคือ ปูนที่ใช้สำหรับ ฉาบหนา เราเรียกกันว่าปูนมอร์ตาร์ ปูนชนิดนี้ถึงแม้จะมีความแข็งแรงสามารถรับแรงกดอัดได้สูง แต่ก็ไม่ได้มีคุณสมบัติในการรับแรงดึง หรือ การขยับตัวของโครงสร้างผนัง ทำให้เวลาโครงสร้างเกิดการขยับตัว ผนังจึงฉีกออก เกิดเป็นรอยร้าว รอยแตกขึ้นได้อย่างง่ายดาย กล่าวอีกนัยหนึ่ง งานฉาบแบบดั้งเดิมก็เปรียบเสมือนงานเทคอนกรีตที่ไม่ได้เสริมเหล็ก

 

 

งานฉาบระบบ iMesh ถูกพัฒนาขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อแก้ปัญหา ผนังร้าว รั่ว ซึม โดยเฉพาะ จุดเด่นของงานระบบ iMesh ที่แตกต่างจากงานฉาบผนังทั่วไป คือ

  1. เสริมแรงด้วย ตาข่ายใยแก้ว วัสดุที่ถูกสั่งผลิตขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยมีคุณสมบัติในการรองรับแรงดึง หรือการขยับตัวของโครงสร้างอาคาร เปรียบได้กับการเสริมเหล็กเข้าไปในผนังอีกชั้นหนึ่ง ทำให้หมดปัญหาผนังร้าว รั่ว ซึม
  2. ปูน Flexible Mortar ปูนสูตรเฉพาะที่มีแรงยึดเกาะสูง ถูกคิดค้นเพื่อใช้คู่กับตาข่ายใยแก้วโดยเฉพาะ ทำให้เมื่อติดตาข่ายใยแก้วเข้าไปกับผนังแล้ว ตาข่ายใยแก้วจะเกาะติดกับผนังไม่หลุดลอกออกมา

 

 

สิ่งที่ได้จากงานฉาบระบบ iMesh นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาเรื่อง ผนังร้าว รั่ว ซึม ได้ 100% แล้ว ทางการก่อสร้าง ผลพลอยได้ที่ตามมาหลักๆอีก 1 ข้อคือ พื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มมากขึ้น เพราะงานฉาบระบบ iMesh มีความหนาเพียง 5 มม. ในขณะที่งานฉาบธรรมมีความหนาถึง 1-1.5 ซม. อีกด้วย